จอห์นกับแมรี่เพิ่งจะเดทกันได้พักหนึ่ง เขามักจะพาเธอไปกินข้าวดูหนัง ฟังเพลง หาที่นั่งคุยกันเงียบๆ
ตามประสาของหนุ่มสาวที่คบหากัน ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น พวกเขารู้สึกพอใจกับความสัมพันธ์ที่มี ไม่มีใครเปิดใจคบคนอื่น
ตามประสาของหนุ่มสาวที่คบหากัน ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น พวกเขารู้สึกพอใจกับความสัมพันธ์ที่มี ไม่มีใครเปิดใจคบคนอื่น
จนกระทั่งวันหนึ่ง ในขณะที่จอห์อนกำลังขับรถพาแมรี่ไปส่งที่บ้าน
แมรี่ได้ถามจอห์นว่า “คุณรู้ไหมว่า เราคบกันมาได้หกเดือนแล้วนะ” ความเงียบปกคลุมไปทั่วรถ
แต่แมรี่รู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นความเงียบที่เป็นสัญญาณบ่งบอกให้เธอรู้ว่า
เธอพลาดไปแล้วที่ไปถามคำถามนี้กับเขา
เธอคิดว่าเขาอาจจะรู้สึกลำบากใจและมันอาจจะเป็นเหมือนกับการไปต้อนเขาให้จนมุม
เขาอาจจะรู้สึกว่ามันเป็นการบังคับเขาทางอ้อมให้ตอบคำถามในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา
ซึ่งสำหรับเธอแล้วเธอคิดว่าเธอต้องการความชัดเจนเธอจึงตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้น
ในขณะนั้นจอห์นก็คิดในใจว่า นี่มันผ่านไปหกเดือนแล้วเหรอนี่?
ส่วนแมรี่ก็คิดว่า นี่เราต้องการสัมพันธ์ที่มันไม่ชัดเจนแบบนี้ไหม?
เราต้องการสร้างครอบครัว และพร้อมที่จะใช้ชีวิตกับผู้ชายคนนี้ตลอดชีวิตไหม?
แต่ว่าเราก็ยังไม่รู้จักเขาดีพอเลย? ในขณะเดียวกัน จอห์อนก็คิดว่า
เราเริ่มคบกันตอนเดือนกุมพาพันธ์ ถ้ามันผ่านไปหกเดือน ตอนนั้นเราก็เพิ่งเอารถออกมาจากศูนย์
แสดงว่า รถเราเลยกำหนดถ่ายน้ำมันเครื่องมาแล้ว ชิบหายหล่ะกู! ขณะที่เขาคิดหน้าเขาก็บูดบึ้ง เพราะว่าเคืองตัวเองที่ลืมเรื่องถ่ายน้ำมันไปได้
แมรี่เห็นจอห์นทำหน้าบึ้ง เธอก็คิดว่า นี่เขากำลังโกรธเรา
เขาต้องไม่พอใจคำถามของเราแน่ๆ แต่บางทีฉันอาจจะอ่านเขาผิดไปก็ได้
เขาอาจจะต้องการให้ความสัมพันธ์มันพัฒนาไปมากกว่านี้
เขาอาจจะอยากใช้เวลาอยู่ใกล้ชิดกับเรา เขาอาจจะคิดว่าเรากำลังจะบอกเลิกกับเขา
เขาคงจะกลัวการบอกเลิก ขณะที่จอห์นก็คิดว่า
เราจะต้องกลับไปที่ศูนย์อีกรอบ คราวนี้จะให้ช่างดูระบบเกียร์ให้อีกรอบ
รู้สึกว่าเวลาเข้าเกียร์มันยังไม่ไหลรื่นเหมือนปกติ แต่คราวหน้าถ้าพวกช่างเฮงซวยนั่นมันเอาอากาศหนาวมาเป็นข้ออ้างอีกละก็
มึงเจอกูแน่ๆ เพราะตอนนี้มันไม่ใช่หน้าหนาว แม่งเสียเงินไปตั้งเกือบสองหมื่น
ในขณะเดียวกันแมรี่ก็คิดว่า เขาคงจะโกรธเราจริงๆ
แต่ฉันไม่โทษเขาหรอกเป็นใครก็ต้องโกรธนะ เจอคำถามแบบนี้ เป็นเพระเราแท้ๆเลย
แต่ก็ช่วยไม่ได้ ก็เราต้องการความชัดเจนนี่นา ส่วนจอห์นก็คิด แต่พวกแม่งก็ต้องอ้างอีกว่ามันพ้นระยะเวลารับประกันไปแล้ว
เพราะว่าระยะเวลารับประกันมันสามเดือน กูแม่งเซ็ง
แมรี่คิดต่อหรือว่าเราตั้งความหวังไว้สูงเกินไป
เพราะถ้าเราจะรอแต่ให้อัศวินขี่ม้าขาวมาหาเรามันจะเป็นไปได้เหรอ จริงๆแล้วตอนนี้เราก็เจอผู้ชายที่แสนดี
นั่งอยู่กับเราตอนนี้ และเขากำลังทุกข์ใจเพราะผู้หญิงที่แสนจะเอาแต่ใจอย่างเรา
ทำให้เขาต้องทุกข์ใจ เราทำตัวเหมือนเด็กมัธยม
ส่วนจอห์นก็คิดว่างั้นเราใช้ใบรับประกันยื่นก็ได้มั้ง?
แมรี่เรียก จอห์น เสียงสูง จอห์นตอบ “มีอะไรเหรอ?”
แมรี่พูดว่า “ฉันมันโง่เอง
พูดไปสะอื้นไป เพราะว่าในชีวิตจริงคงจะไม่มีอัศวิน และก็ไม่มีม้าขาวหรอก”
จอห์นพูดแบบงงๆว่า “ว่าไม่มีม้า?”
“ คุณคงจะคิดว่าฉันมันโง่มากใช่ไหม?” แมรี่พูด
จอห์นตอบว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น
ผมแค่จะถามให้แน่ใจว่าคุณกำลังพุดถึงม้าอยู่ “
“ก็ประมาณนั้นแหละ ฉันแค่ต้องการเวลาเท่านั้นแหละ” แมรี่ตอบ
แล้วทั้งสองคนก็เงียบไปประมาณสิบห้าวินาที แล้วจอห์นก็ตัดสินใจพุดขึ้นมาก่อนว่า” ใช่ๆ “
เขาคิดว่าตอบว่าใช่คงจะเป็นคำตอบที่ปลอดภัยที่สุด
แมรี่เอื้อมแขนไปแตะเขาและพูดว่า “จอห์นคะ คุณก็รุ้สึกแบบนั้นเช่นกันใช่ไหม?”
“ รู้ สึกแบบไหนเหรอ?” เขาถาม
“ก็เกี่ยวกับเรื่องของเวลาไง” จอห์นตอบ” อ๋อใช่ครับ”
แมรี่จ้องเข้าไปในดวงตาของเขา จอห์นคิดว่า
มันช่างเป็นอะไรที่น่าอึดอัดใจอะไรเช่นนี้ เขาเริ่มประหม่า
แล้วก็ลุ้นว่าเธอจะพูดอะไรเกี่ยวกับม้าอีก แต่เขาก็รู้สึกโล่งอก เมื่อเธอพุดว่า”
ขอบคุณค่ะจอห์น”
และเขาก็พาเธอไปส่งที่บ้าน พอถึงห้องนอนแมรี่ก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง เธอครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เธอคุยกับจอห์นในวันนี้
เธอรู้สึกสับสนเป็นทุกข์ เธอนอนร้องไห้ทั้งคืน ส่วนจอห์นพอไปถึงบ้านก็เปิดทีวี
ดูการแข่งขันเทนนิส ระหว่างสองนักแข่งจากทีมชาติเชค
ที่ทางสถานีโทรทัศน์เอามาฉายให้ดูซ้ำอีกรอบ นั่งดูไป กินมันฝรั่งทอดไป
ระหว่างนั้นก็คิดถึงเรื่องรถของเขาสลับไปด้วย
เขารู้สึกว่ามัน
ต้องมีอะรที่ผิดปกติแน่ๆ แต่เขาขี้เกียจคิดมาก
สำหรับแมรี่สิ่งที่เธอทำในวันรุ่งขึ้นก็คือโทรไประบายกับเพื่อนสนิทของเธอ
พวกเธอสามารถที่จะคุยเป็นห้าหกชั่วโมงเกี่ยวกับเรื่องนี้แบบเจาะลึกลงไปในรายละเอียด
วิเคราะห์คำพูดของจอห์น และคำพูดของเธอ
พวกเธอยังสามารถที่จะคุยเรื่องเดิมนี้ต่อได้อีกเป็นอาทิตย์สองอาทิตย์
แต่ก็ไม่เคยที่จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
แล้วก็ไม่เคยคิดที่จะเบื่อในการที่จะพูดถึงมันอย่างซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ
ในขณะที่จอห์นก็ไปเล่นแรกเก็ตบอลกับเพื่อนเขาและก็เป็นเพื่อนของแมรี่ด้วย ในขณะที่เขากำลังตีลูกบอลเขาก็ถามเพื่อนเขาว่า ไบรอัน , “แมรี่เคยมีม้าด้วยเหรอ?
“
เราไม่ได้พูดถึงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่เรามาจากคนละโลกมากกว่า
คนละโลกที่มีระบบสุริยะจักรวาลที่แตกต่างกัน แมรี่ไม่สามารถที่จะสื่อสารให้จอห์นเข้าใจเธอได้เพราะว่าจอห์นไม่มีความเข้าใจในภาพรวมของความสัมพันธ์
เขามีสมองของผู้ชายที่มักจะคิดและวิเคราะห์เป็นระบบ
ซึ่งจะไม่ถนัดกับเรื่องละเอียดอ่อนเช่นความรัก ความต้องการ ความเชื่อใจ
ซึ่งผู้ชายจะถนัดในการคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นข้อมูลจริงเช่นรายรับ
ของเธอกับเขาโดยเฉลี่ย ซึ่งผู้หญิงจะมีปัญหาในการยอมรับความจริงเรื่องนี้ของผู้ชาย
ซึ่งพวกเธอจะพยายามที่จะให้ผู้ชายคิดให้ได้ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอ
เพราะว่าพวกเธอคิดว่า มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่คุณไปพบไปเเจอเธอทุกวี่ทุกวัน
โดยที่จะไม่สนใจที่จะคิดถึงเรื่องความสัมพันธ์? ซึ่งพวกเธอคิดผิดถนัดเลย
จะขอยกตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆนะ ผู้ชายเวลาที่เขาคบกับผู้หญิง
เขาจะเหมือนมดตัวหนึ่งที่เกาะอยู่ข้างบนสุดของยางวงที่ทับอยู่ข้างบนสุดของยางที่วางซ้อนเรียงกันอยู่หลังรถบรรทุก
เจ้ามดตัวนี้มันเห็นว่ามีอะไรวงใหญ่วางซ้อนกันอยู่แต่มันไม่เข้าใจว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร
จนกระทั่งรถเริ่มเคลื่อนตัวออก แล้วยางก็จะเริ่มกลิ้ง
เจ้ามดก็จะเริ่มเฉลียวใจก็ต่อเมือมันตกลงไปอยู่ใต้ท้องยาง
แล้วมันก็ถึงจะร้องว่าเห้ยอะไรกันเนี่ย!!
ดังนั้น คุณผู้หญิง จงอย่าได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่าผู้ชายจะเข้าใจในเรื่องควาสัมพันธ์ในแบบที่คุณเข้าใจ
ให้ลองวางแผนใหม่ด้วยการวิธีเหล่านี้ดูเช่น
"จอห์นคะช่วยส่งน้ำตาลให้ฉันหน่อยสิคะ
รู้ไหมน้ำตาลคือความหวานที่เราต้องเติมเต็มให้กันและกันนะคะ"
หรือว่า "" จอห์นตอนนี้มีคนมาจีบฉันอยู่นะ ถ้าคุณมัวแต่รีรอ ฉันจะไปกับคนอื่นแล้วนะ"
คติความรักภาษาอังกฤษ
" A great relationship is about two things: First, appreciating the similarities, and second, accepting the differences."
คติความรัก
ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนประกอบด้วยสองสิ่ง
หนึ่งการชี่นชมความเหมือน
สองการยอมรับความแตกต่าง
คติความรักภาษาอังกฤษ
" A great relationship is about two things: First, appreciating the similarities, and second, accepting the differences."
คติความรัก
ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนประกอบด้วยสองสิ่ง
หนึ่งการชี่นชมความเหมือน
สองการยอมรับความแตกต่าง