วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เรื่องเล่าสอนใจเกี่ยวกับความรัก



จอห์นกับแมรี่เพิ่งจะเดทกันได้พักหนึ่ง เขามักจะพาเธอไปกินข้าวดูหนัง ฟังเพลง หาที่นั่งคุยกันเงียบๆ  
ตามประสาของหนุ่มสาวที่คบหากัน  ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น พวกเขารู้สึกพอใจกับความสัมพันธ์ที่มี ไม่มีใครเปิดใจคบคนอื่น 

จนกระทั่งวันหนึ่ง ในขณะที่จอห์อนกำลังขับรถพาแมรี่ไปส่งที่บ้าน แมรี่ได้ถามจอห์นว่าคุณรู้ไหมว่า เราคบกันมาได้หกเดือนแล้วนะ  ความเงียบปกคลุมไปทั่วรถ แต่แมรี่รู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นความเงียบที่เป็นสัญญาณบ่งบอกให้เธอรู้ว่า เธอพลาดไปแล้วที่ไปถามคำถามนี้กับเขา เธอคิดว่าเขาอาจจะรู้สึกลำบากใจและมันอาจจะเป็นเหมือนกับการไปต้อนเขาให้จนมุม เขาอาจจะรู้สึกว่ามันเป็นการบังคับเขาทางอ้อมให้ตอบคำถามในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา ซึ่งสำหรับเธอแล้วเธอคิดว่าเธอต้องการความชัดเจนเธอจึงตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้น

ในขณะนั้นจอห์นก็คิดในใจว่า นี่มันผ่านไปหกเดือนแล้วเหรอนี่? ส่วนแมรี่ก็คิดว่า นี่เราต้องการสัมพันธ์ที่มันไม่ชัดเจนแบบนี้ไหม? เราต้องการสร้างครอบครัว และพร้อมที่จะใช้ชีวิตกับผู้ชายคนนี้ตลอดชีวิตไหม? แต่ว่าเราก็ยังไม่รู้จักเขาดีพอเลย? ในขณะเดียวกัน จอห์อนก็คิดว่า เราเริ่มคบกันตอนเดือนกุมพาพันธ์ ถ้ามันผ่านไปหกเดือน ตอนนั้นเราก็เพิ่งเอารถออกมาจากศูนย์ แสดงว่า รถเราเลยกำหนดถ่ายน้ำมันเครื่องมาแล้ว ชิบหายหล่ะกู! ขณะที่เขาคิดหน้าเขาก็บูดบึ้ง เพราะว่าเคืองตัวเองที่ลืมเรื่องถ่ายน้ำมันไปได้ แมรี่เห็นจอห์นทำหน้าบึ้ง เธอก็คิดว่า นี่เขากำลังโกรธเรา เขาต้องไม่พอใจคำถามของเราแน่ๆ  แต่บางทีฉันอาจจะอ่านเขาผิดไปก็ได้ เขาอาจจะต้องการให้ความสัมพันธ์มันพัฒนาไปมากกว่านี้ เขาอาจจะอยากใช้เวลาอยู่ใกล้ชิดกับเรา เขาอาจจะคิดว่าเรากำลังจะบอกเลิกกับเขา เขาคงจะกลัวการบอกเลิก  ขณะที่จอห์นก็คิดว่า เราจะต้องกลับไปที่ศูนย์อีกรอบ คราวนี้จะให้ช่างดูระบบเกียร์ให้อีกรอบ รู้สึกว่าเวลาเข้าเกียร์มันยังไม่ไหลรื่นเหมือนปกติ แต่คราวหน้าถ้าพวกช่างเฮงซวยนั่นมันเอาอากาศหนาวมาเป็นข้ออ้างอีกละก็ มึงเจอกูแน่ๆ  เพราะตอนนี้มันไม่ใช่หน้าหนาว แม่งเสียเงินไปตั้งเกือบสองหมื่น

ในขณะเดียวกันแมรี่ก็คิดว่า เขาคงจะโกรธเราจริงๆ แต่ฉันไม่โทษเขาหรอกเป็นใครก็ต้องโกรธนะ เจอคำถามแบบนี้ เป็นเพระเราแท้ๆเลย แต่ก็ช่วยไม่ได้ ก็เราต้องการความชัดเจนนี่นา ส่วนจอห์นก็คิด แต่พวกแม่งก็ต้องอ้างอีกว่ามันพ้นระยะเวลารับประกันไปแล้ว เพราะว่าระยะเวลารับประกันมันสามเดือน กูแม่งเซ็ง

แมรี่คิดต่อหรือว่าเราตั้งความหวังไว้สูงเกินไป เพราะถ้าเราจะรอแต่ให้อัศวินขี่ม้าขาวมาหาเรามันจะเป็นไปได้เหรอ จริงๆแล้วตอนนี้เราก็เจอผู้ชายที่แสนดี นั่งอยู่กับเราตอนนี้ และเขากำลังทุกข์ใจเพราะผู้หญิงที่แสนจะเอาแต่ใจอย่างเรา ทำให้เขาต้องทุกข์ใจ เราทำตัวเหมือนเด็กมัธยม 

ส่วนจอห์นก็คิดว่างั้นเราใช้ใบรับประกันยื่นก็ได้มั้ง? แมรี่เรียก จอห์น เสียงสูง จอห์นตอบมีอะไรเหรอ?
 แมรี่พูดว่าฉันมันโง่เอง พูดไปสะอื้นไป เพราะว่าในชีวิตจริงคงจะไม่มีอัศวิน และก็ไม่มีม้าขาวหรอก
จอห์นพูดแบบงงๆว่า ว่าไม่มีม้า?

คุณคงจะคิดว่าฉันมันโง่มากใช่ไหม? แมรี่พูด
จอห์นตอบว่า ไม่ใช่อย่างนั้น ผมแค่จะถามให้แน่ใจว่าคุณกำลังพุดถึงม้าอยู่
ก็ประมาณนั้นแหละ ฉันแค่ต้องการเวลาเท่านั้นแหละ แมรี่ตอบ

แล้วทั้งสองคนก็เงียบไปประมาณสิบห้าวินาที แล้วจอห์นก็ตัดสินใจพุดขึ้นมาก่อนว่า ใช่ๆ เขาคิดว่าตอบว่าใช่คงจะเป็นคำตอบที่ปลอดภัยที่สุด แมรี่เอื้อมแขนไปแตะเขาและพูดว่าจอห์นคะ คุณก็รุ้สึกแบบนั้นเช่นกันใช่ไหม?
รู้ สึกแบบไหนเหรอ? เขาถาม
ก็เกี่ยวกับเรื่องของเวลาไง จอห์นตอบ อ๋อใช่ครับ”   

แมรี่จ้องเข้าไปในดวงตาของเขา จอห์นคิดว่า มันช่างเป็นอะไรที่น่าอึดอัดใจอะไรเช่นนี้ เขาเริ่มประหม่า แล้วก็ลุ้นว่าเธอจะพูดอะไรเกี่ยวกับม้าอีก แต่เขาก็รู้สึกโล่งอก เมื่อเธอพุดว่า ขอบคุณค่ะจอห์น

และเขาก็พาเธอไปส่งที่บ้าน พอถึงห้องนอนแมรี่ก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง  เธอครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เธอคุยกับจอห์นในวันนี้ เธอรู้สึกสับสนเป็นทุกข์ เธอนอนร้องไห้ทั้งคืน ส่วนจอห์นพอไปถึงบ้านก็เปิดทีวี ดูการแข่งขันเทนนิส ระหว่างสองนักแข่งจากทีมชาติเชค ที่ทางสถานีโทรทัศน์เอามาฉายให้ดูซ้ำอีกรอบ นั่งดูไป กินมันฝรั่งทอดไป ระหว่างนั้นก็คิดถึงเรื่องรถของเขาสลับไปด้วย เขารู้สึกว่ามัน
ต้องมีอะรที่ผิดปกติแน่ๆ แต่เขาขี้เกียจคิดมาก

สำหรับแมรี่สิ่งที่เธอทำในวันรุ่งขึ้นก็คือโทรไประบายกับเพื่อนสนิทของเธอ  พวกเธอสามารถที่จะคุยเป็นห้าหกชั่วโมงเกี่ยวกับเรื่องนี้แบบเจาะลึกลงไปในรายละเอียด วิเคราะห์คำพูดของจอห์น และคำพูดของเธอ พวกเธอยังสามารถที่จะคุยเรื่องเดิมนี้ต่อได้อีกเป็นอาทิตย์สองอาทิตย์ แต่ก็ไม่เคยที่จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แล้วก็ไม่เคยคิดที่จะเบื่อในการที่จะพูดถึงมันอย่างซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ

ในขณะที่จอห์นก็ไปเล่นแรกเก็ตบอลกับเพื่อนเขาและก็เป็นเพื่อนของแมรี่ด้วย  ในขณะที่เขากำลังตีลูกบอลเขาก็ถามเพื่อนเขาว่า    ไบรอัน , “แมรี่เคยมีม้าด้วยเหรอ?

เราไม่ได้พูดถึงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน  แต่เรามาจากคนละโลกมากกว่า คนละโลกที่มีระบบสุริยะจักรวาลที่แตกต่างกัน แมรี่ไม่สามารถที่จะสื่อสารให้จอห์นเข้าใจเธอได้เพราะว่าจอห์นไม่มีความเข้าใจในภาพรวมของความสัมพันธ์ เขามีสมองของผู้ชายที่มักจะคิดและวิเคราะห์เป็นระบบ ซึ่งจะไม่ถนัดกับเรื่องละเอียดอ่อนเช่นความรัก ความต้องการ  ความเชื่อใจ ซึ่งผู้ชายจะถนัดในการคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นข้อมูลจริงเช่นรายรับ ของเธอกับเขาโดยเฉลี่ย ซึ่งผู้หญิงจะมีปัญหาในการยอมรับความจริงเรื่องนี้ของผู้ชาย ซึ่งพวกเธอจะพยายามที่จะให้ผู้ชายคิดให้ได้ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอ เพราะว่าพวกเธอคิดว่า มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่คุณไปพบไปเเจอเธอทุกวี่ทุกวัน โดยที่จะไม่สนใจที่จะคิดถึงเรื่องความสัมพันธ์? ซึ่งพวกเธอคิดผิดถนัดเลย 

จะขอยกตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆนะ ผู้ชายเวลาที่เขาคบกับผู้หญิง เขาจะเหมือนมดตัวหนึ่งที่เกาะอยู่ข้างบนสุดของยางวงที่ทับอยู่ข้างบนสุดของยางที่วางซ้อนเรียงกันอยู่หลังรถบรรทุก  เจ้ามดตัวนี้มันเห็นว่ามีอะไรวงใหญ่วางซ้อนกันอยู่แต่มันไม่เข้าใจว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร จนกระทั่งรถเริ่มเคลื่อนตัวออก แล้วยางก็จะเริ่มกลิ้ง เจ้ามดก็จะเริ่มเฉลียวใจก็ต่อเมือมันตกลงไปอยู่ใต้ท้องยาง แล้วมันก็ถึงจะร้องว่าเห้ยอะไรกันเนี่ย!!

ดังนั้น คุณผู้หญิง จงอย่าได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่าผู้ชายจะเข้าใจในเรื่องควาสัมพันธ์ในแบบที่คุณเข้าใจ ให้ลองวางแผนใหม่ด้วยการวิธีเหล่านี้ดูเช่น
"จอห์นคะช่วยส่งน้ำตาลให้ฉันหน่อยสิคะ รู้ไหมน้ำตาลคือความหวานที่เราต้องเติมเต็มให้กันและกันนะคะ"
หรือว่า "" จอห์นตอนนี้มีคนมาจีบฉันอยู่นะ ถ้าคุณมัวแต่รีรอ ฉันจะไปกับคนอื่นแล้วนะ"

คติความรักภาษาอังกฤษ

" A great relationship is about two things: First, appreciating the similarities, and second, accepting the differences."

คติความรัก
ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนประกอบด้วยสองสิ่ง
หนึ่งการชี่นชมความเหมือน
สองการยอมรับความแตกต่าง



วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ถ้าฉันรู้ว่าตัวฉันเองมีค่า : แคปชั่นเด็ดๆ แคปชั่นโดนๆ รู้คุณค่าตัวเอง คำคมสอนให้รู้คุณค่าตัวเอง

ถ้าฉันรู้ว่าตัวฉันเองมีค่า

เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต ฉันเสียเวลาหลายปีไปกับการพยายามที่จะปรับปรุงตัวเอง แทนที่จะอาเวลาไปชื่นชมในสิ่งดีๆที่ฉันมีเช่นฉันควรที่จะรู้สึกขอบคุณที่ฉันยังมีโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ และฉันก็ยังมีสุขภาพที่ดี   ฉันเสียเวลาไปหลายปีกับความคิดที่ว่าตัวฉันแย่ ตัวฉันยังไม่ดีพอ

ฉันมักจะคิดว่าฉันก็เป็นคนที่หน้าตาสวยใช้ได้ แต่ไม่ใช่สวยมาก ค่อนข้างจะฉลาด แต่ไม่ถึงกับฉลาดมาก พูดง่ายๆก็คือฉันมองตัวเองเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไร ฉันเติบโตมากับความกลัวตัวเองจะเรียนได้เกรดแย่ๆในโรงเรียน เพราะว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ มันจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอับอายและมันจะทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าพอ

ในระบบโรงเรียนที่ฉันได้ร่ำเรียนมา ฉันมักจะเคยชินกับการเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นอยู่เสมอ ทุกวันในโรงเรียนฉันรู้สึกว่าการแข่งขันมันไม่มีวันที่จะสิ้นสุด และฉันก็จะต้องไขว่คว้าที่จะเป็นที่หนึ่งของห้องให้ได้ มันหนักมากนะกับสถานการณ์แบบนี้ ฉันแทบจะไม่มีเวลาว่างพอที่จะไปเที่ยวเล่น เพราะว่าเวลาส่วนใหญ่จะหมดไปกับการทำการบ้าน

ฉันเสียเวลาหลายปีไปกับการเล่าเรียนทั้งในระดับมัธยมรวมทั้งระดับมหาลัย ฉันมีหน้าที่การงานที่ดี ได้ทำงานกับบริษัทที่ใหญ่โตมีชื่อเสียงระดับแนวหน้า ฉันได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวรอบโลก ฉันหมดเงิน หมดพลังงาน หมดเวลามากมายไปกับการเรียน และการพัฒนาตัวเองเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
.
ฉันได้เรียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของโลก คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์  วรรณคดี ดนตรี รวมทั้งภาษาต่างประเทศ ทั้งๆที่จริงๆแล้วมีอีกหนึ่งวิชาที่ฉันคิดว่ามันจำเป็นแต่ว่าก็ไม่มีโรงเรียนทีไหนสอน สิ่งนั้นก็คือการสอนให้รู้จักคุณค่าของตัวฉันเอง

สิ่งที่ฉันไม่เคยได้ตระหนักถึงในช่วงก่อนหน้านี้ และตอนนี้ฉันได้ตระหนักถึงมันแล้วว่า ถ้าเพียงแค่ฉันได้รู้ถึงคุณค่ของตัวฉันเอง  :
ฉันจะไม่มัวแต่ไปคิดถึงข้อพกพร่อง จุดอ่อน  ข้อด้อยต่างๆที่ฉันมี โดยที่ลืมคิดถึงข้อดี จุดแข็งและพรสวรรค์อื่นๆที่ฉันมี

ฉันจะหยุดการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความเพรียบพร้อมสมบูรณ์ ฉันจะไม่โทษตัวเองในสิ่งที่ฉันได้ทำผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ ฉันควรที่จะรู้ว่าความเพรียบพร้อมสมบูรณ์ไร้ที่ติ มันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา และมันก็ไม่มีจริงในโลกนี้


ฉันจะได้เรียนรู้การประสบความสำเร็จที่ได้มาจากหยาดเหงื่อของเราแทนที่มันจะมาจากการที่เราจะไปแสวงหาความสำเร็จจากโชคชะตา หรือการหวังพึ่งคนที่จะหยิบยื่นโอกาสในหน้าที่การงานให้เรา

 ฉันจะไม่คิดว่าทุกย่างก้าวของอุปสรรคที่ฉันก้าวข้ามผ่านมันไปได้มันเป็นอะไรที่ไม่สำคัญเพราะว่าใครๆก็ทำได้


ฉันจะไม่ยอมลดคุณค่าของตัวเองลง เพื่อที่จะได้มาซึ่งหน้าที่การงาน ฉันจะกล้าที่จะเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ค่าตอบแทนที่สูงขึ้น เพราะว่าฉันคิดว่ามันสมน้ำสมเนื้อกันกับความสามารถและหยาดเหงื่อที่ฉันทุ่มเทมันลงไป ฉันจะไม่มีทางที่จะลงเอยด้วยการได้รับค่าจ้างน้อยกว่าที่ฉันสมควรจะได้รับ


ฉันจะเลิกเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น และเข้าใจว่าทุกคนล้วนต่างมีเส้นทางชีวิตของตัวเอง ฉันควรที่จะเรียนรู้ถึงการที่จะชื่นชมยินดีกับความสำเร็จของคนอื่น แทนที่จะมานั่งกังวล กลัวว่าคนอื่นจะได้ดีกว่า ทั้งเรื่องหน้าที่การงาน การเงิน และความรัก  ฉันควรที่จะเรียนรู้ว่าชีวิตไม่ใช่การแข่งขันชิงดีชิงเด่นเพราะว่าจริงๆแล้ว ความสำเร็จมันมีให้กับทุกคน มันมีอย่างพอเพียง และไม่มีคำว่าจะหมดเพราะว่าเราทุกคนเกิดมาต่างก็มีความสามารถเฉพาะด้านต่างกัน ไม่มีใครดีไม่มีใครเด่นไปกว่าใคร

ฉันควรที่จะยึดอกน้อมรับการยกย่องชมเชยจากคนอื่นด้วยความภาคภูมิใจในตัวฉันเอง แทนที่จะปฏิเสธและมองไม่เห็นคุณค่าของตัวฉันเอง
.
ฉันจะไม่พยายามที่จะทำให้ทุกคนพอใจ ฉันจะกล้าปฏิเสธที่จะไม่ทำในสิ่งที่ฉันไม่อยากจะทำ ฉันจะไม่กลัวว่าใครจะไม่ชอบฉันหรือมองว่าฉันเป็นคนแบบไหน ฉันจะไม่รู้สึกผิดถ้าฉันจะบอกปฏิเสธที่จะสุงสิงกับคนที่ฉันไม่รู้สึกสะดวกใจที่จะสุงสิงด้วย เพราะว่าฉันจะต้องใช้เวลาอันมีค่าของฉันกับสิ่งที่ฉันอยากจะทำ


ฉันจะไม่คาดหวังให้ใครมาสร้างความสุข มาเติมเต็มในสิ่งที่ฉันขาด มาเติมเต็มความรัก มาให้ความใส่ใจ ฉันจะไม่คาดหวังให้ผู้ชายคนไหนมาทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีค่า เป็นที่ต้องการ และเป็นคนที่เขาจะสามารถรัก เพราะว่าฉันรู้ว่าความสุขของฉันฉันต้องสร้างมันด้วยตัวฉันเองไม่ใช่หาจากคนอื่น แต่ถ้ามันจะได้มาจากคนอื่นฉันก็จะคิดว่ามันเป็นเหมือนกับโบนัสมากกว่า


แต่ถึงอย่างไรก็ตามทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันได้เผชิญ มันเป็นบทเรียนอันมีค่าให้ฉันได้เรียนรู้


ฉันเชื่อว่าโลกอัจริยะใบนี้มันมีอะไรให้ค้นหาอีกมากมาย และฉันเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นย่อมมีเหตุและผลของมันเสมอ

ฉันไม่ได้เขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะตำหนิใครๆ ฉันไม่ได้ตำหนิสังคม ไม่ได้ตำหนิพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เพราะว่าทุกฝ่ายก็ต่างล้วนมีบทบาทและหน้าที่และความจำเป็นแตกต่างกันไป  สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของฉันไม่ได้เป็นตัวกำหนดอนาตตของฉัน ตัวฉันเองจะเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตและอนาคตของตัวฉันเอง สิ่งที่จะกำหนดอนาคตและชะตาชีวิตฉันมันก็มาจากวิธีคิดและวิธีที่ฉันปฏิบัติ

มันไม่มีคำว่าสายเกินไปที่ฉันจะรับรู้ถึงพลังที่ฉันมี พลังความเชื่อในตัวเอง เชื่อว่าตัวฉันเองมีค่าพอที่จะคู่ควรกับสิ่งดีๆที่จะเข้ามาในชีวิต : สุขภาพที่ดี ความรัก และอื่นๆอีกมากมายที่ตัวฉันสมควรจะได้รับ และเมื่อฉันรู้คุณค่าตัวฉันเอง คนอื่นก็จะรับรู้ถึงคุณค่าของฉันเช่นกัน

     คำคมภาษาอังกฤษเรู้คุณค่าตัวเอง                       

 "When you know your worth, no one can make you feel worthless."


คำคมรู้คุณค่าตัวเอง
ไม่มีใครที่ไหนจะมาทำให้เรารู้สึกว่าไร้ค่า ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเราดีพอ




วันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2560

คติสอนหญิง คำคมสอนหญิง แคปชั่นผู้หญิง คำคมผู้หญิง

แม่ฉันเคยบอกฉันว่า:

"เมื่อไหร่ก็ตามที่เราจับมือผู้ชายคนนั้นแล้วทำให้เรารู้สึกว่า หัวใจเราเต้นแรง  ใจสั่นหวิว ตื่นเต้นสุดๆ ให้เลือกเดินออกจากชีวิตของผู้ชายคนนั้นให้เร็วที่สุด เพราะว่าเขาไม่ใช่สำหรับเรา แต่ถ้าเราจับมือชายคนไหนแล้วทำให้เรารู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย และสัมผัสได้ถึงความมั่นคงของเขา จงอย่าได้ปล่อยเขาให้หลุดมือไปเพราะว่าเขาคนนั้นคือคนที่เราควรแต่งงานด้วย "

My mother once told me:

When you hold a man’s hand and he makes your heart beat faster and he makes you feel giddy and excited, walk away from this man. He is not the man for you. If you hold a man’s hand and he makes you feel warm, safe and secure, hold onto him. This is the man you are going to marry.

คำคมสอนหญิงภาษาอังกฤษ
"Marry a man who loves you more than you love him"

คำคมสอนหญิง

ให้เลือกแต่งงานกับผู้ชายที่รักเรามากกว่าที่เรารักเขา


วันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2560

คำคมพ่อแม่ คติชีวิตพ่อแม่ คติสอนใจเกี่ยวกับพ่อแม่


คำคมพ่อแม่ภาษาอังกฤษ
Be sure to spend time with your parents while you can, because one day when you look up from your busy life, they won’t be there anymore. 
-Unknown


คำคมพ่อแม่
พยายามใช้เวลาอยู่กับพ่อแม่ในช่วงที่เรายังมีโอกาส
อย่าปล่อยให้ถึงเวลาที่กว่าเราจะคิดได้ก็คือในเวลา
ที่เราไม่มีพวกเขาแล้ว

ถ้าคุณรักพ่อแม่ของคุณลองอ่านนิทานสอนใจเรื่องนี้ดูนะ


ต้นไม้แห่งรัก

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีต้นมะม่วงอยู่ต้นหนึ่งกับเด็กผู้ชาย เด็กคนนี้ชอบมาเล่นที่ต้นมะม่วงนี้ทุกวัน ทั้งปีนป่ายขึ้นไปบนยอดของต้นมะม่วง กินมะม่วง บางทีก็นอนหลับอยู่ใต้ต้นมะม่วง เพราะว่าเด็กคนนี้ชอบต้นมะม่วงและต้นมะม่วงก็ชอบเล่นกับเด็กน้อย จนกระทั่งเวลาผ่านไปจนเด็กน้อยเริ่มเติบโตเป็นหนุ่ม เขาก็ไม่มาเล่นกับต้นมะม่วงอีกเลย

และในวันหนึ่งหนุ่มน้อยคนนั้นได้กลับมาที่ต้นมะม่วง เขาดูเศร้า ต้นมะม่วงพูดกับเขาว่า มาๆเล่นกับเรา
ไม่ฉันไม่เล่นอีกต่อไปแล้ว เขาตอบ ฉันต้องการของเล่นฉันต้องการเงินไปซื้อของเล่น
 เสียใจด้วยนะพ่อหนุ่มเราไม่มีเงิน แต่ว่าถ้าอยากได้เงินก็เก็บเอาลูกมะม่วงของเราไปขายก็ได้ เจ้าจะได้มีเงินไปซื้อของเล่นไง “   ต้นมะม่วงบอก  หนุ่มน้อยตื่นเต้นมาก เขารีบเก็บมะม่วงแล้วก็เดินจากไปอย่างมีความสุข เขาไม่เคยหวนกลับมาอีกเลยตั้งแต่วันนั้น ปล่อยให้ต้นมะม่วงเฝ้ารออย่างเดียวดาย

จนมาวันหนึ่งถึงวันที่หนุ่มน้อยได้เติบโตเป็นชายหนุ่ม  เขาได้กลับมาหาต้นมะม่วง ต้นมะม่วงดีใจมากที่เห็นเขากลับมาหา เจ้ากลับมาหาเราแล้ว  มาๆเล่นกัน ต้นมะม่วงบอก  ฉันไม่มีเวลาจะเล่นกับเธอแล้ว ฉันต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัว พวกราต้องการบ้านสักหลัง เธอช่วยฉันได้ไหม? " เขาถาม  เสียใจด้วยนะพ่อหนุ่มเราไม่มีบ้านให้เจ้าหรอกนะ แต่ว่าเจ้าตัดเอากิ่งก้านของเราไปสร้างบ้านก็ได้ ชายหนุ่มลงมือตัดกิ่งมะม่วงจนหมดต้น แล้วก็จากไป เขาทิ้งให้ต้นมะม่วงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกแล้ว

ในวันหนึ่งในช่วงหน้าร้อน ชายคนนั้นกลับมาหาต้นมะม่วง ต้นมะม่วงดีใจที่สุด เย้ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาหาเราแล้ว มาๆเล่นกันนะ  เขาตอบกลับว่า ฉันเริ่มแก่แล้วตอนนี้ และฉันก็รู้สึกไม่สบายใจสักเท่าไหร่ ฉันอยากล่องเรือออกไปไกลๆ เธอหาเรือให้ฉันหน่อยได้ไหม? ต้นมะม่วงตอบว่า ถ้าอย่างนั้นเจ้าใช้ลำต้นของเราสร้างเรือก็ได้นะ เจ้าจะได้ล่องเรือไปไกลๆ ถ้ามันจะช่วยทำให้เจ้ารู้สึกดี    ชายคนนั้นลงมือตัดท่อนซุงจากต้นมะม่วงเพื่อสร้างเรือ แล้วเขาก็จากไปนานอีกเช่นเคย

ในที่สุดชายคนนั้นก็กลับมาหาต้นมะม่วง หลังจากที่เขาหายไปหลายปีมาก  ต้นมะม่วงพูดกับเขาว่า เสียใจนะพ่อหนุ่มตอนนี้เราไม่มีอะไรหลงเหลือให้เจ้าแล้ว ไม่มีลูกมะม่วงให้เจ้า    
ฉันไม่ต้องการมะม่วงเพราะฉันไม่มีฟันที่จะเคี้ยว เขาตอบ
และเราก็ไม่มีกิ่งก้านให้เจ้าได้ปีนเล่นอีกแล้ว
ฉันแก่เกินไปที่จะปีนป่ายต้นไม้เล่นแล้ว “   เขาตอบ
ตอนนี้เราไม่มีอะไรให้เจ้าแล้วนะพ่อหนุ่ม ตอนนี้เราเหลือแค่รากแก่ๆที่เหี่ยวเฉา ต้นมะม่วงพูดอย่างเศร้าๆ
ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้วตอนนี้ ฉันต้องการที่ที่ฉันจะได้พักผ่อนอย่างสงบ เขาตอบ
ต้นมะม่วงปลอบเขาว่า อึมจริงๆแล้วรากแก่ๆของเรา ก็พอจะช่วยให้เจ้าพักผ่อนได้นะ เจ้าก็เอนกายของเจ้ามาที่รากของเราก็ได้ เจ้าไม่ต้องปีนป่าย ถ้าเจ้ารู้สึกว่าเหนื่อยกับชีวิต เจ้าก็มานั่งพักผ่อนบนรากเรา เราจะได้คุยกันเงียบๆนะ
 ชายหนุ่มเอนกายพิงรากเหี่ยวๆของต้นมะม่วง พวกเขาพุดคุยกันอย่างถูกคอ ถึงแม้ว่ารากของต้นมะม่วงตอนนี้จะเหี่ยวเฉามากแต่ใจของต้นมะม่วงรู้สึกกระชุ่มกระชวยเหมือนเกิดใหม่ เราดีใจนะที่เจ้ากลับมาหาเราพ่อหนุ่ม ต้นมะม่วงกล่าวอย่างปลื้มปิติ

นิทานเรื่องนี้ เปรียบเทียบต้นมะม่วงเป็นตัวแทนของพ่อแม่ของเรา เมื่อเรายังเด็กเราก็ชอบที่จะอยู่กับพ่อแม่ แต่พอเราเริ่มโตเราก็เริ่มที่จะทำตัวออกห่างจากพวกเขา และจะกลับมาหาพวกเขาก็ต่อเมื่อเราต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น พ่อแม่เสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อลูกได้ ดังนั้นจงอย่าลืมที่จะดูแลพ่อแม่ยามที่พวกเขาแก่ชรา ให้ความรักความเอาใจใส่ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายจนเกินไป


วันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2560

คำคม คติชีวิตรู้คุณค่าตัวเอง


ถึงคนอื่นจะมองไม่เห็นคุณค่าของเรา มันก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ แต่มันสำคัญที่เรามองเห็นคุณค่าในตัวเราเองไหมมากกว่า  ตัวเราเองเท่านั้นที่จะรู้ดีที่สุดว่าตัวเราเองเป็นอย่างไร 

คำคมภาษาอังกฤษสอนให้รู้คุณค่าตัวเอง

"Your value doesn't decrease based on someone's inability to see your worth"
คำคมสอนให้รู้คุณค่าตัวเอง
การที่ใครบางคนเขามองไม่เห็นคุณค่าของคุณ มันก็ไม่ได้ทำให้คุณค่าของคุณลดลง


วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2560

แคปชั่นผู้หญิง คำคมผู้หญิงโดนๆ

มีชายหนุ่มคนหนึ่งโพสต์ถามในกระทู้ของเวปไซด์ชื่อดังแห่งหนึ่ง คำถามของเขาก็คือ 
ถ้าคุณต้องเลือกระหว่างผู้หญิงสองคน คนแรกหน้าตาสวย รูปร่างดี เซกซี่ ผิวก็ใสกิ๊กเลย เรียกว่าเวลาควงไปที่ไหนก็จะมีแต่หนุ่มๆมองตาม แต่เธอมีข้อเสียก็คือ แต่งตัวเก่ง ใช้เงินเปลือง ชอบปาร์ตี้เป็นประจำ  ส่วนผู้หญิงคนที่สองเธอหน้าตาธรรมดา หุ่นก็อวบๆ แต่เธอขยันทำมาหากิน 

ตอนนี้ชายหนุ่มคนนี้เขากำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าควรจะเลือกใครดีระหว่างสองคนนี้ ซึ่งในความคิดของชายหนุ่มคนนี้ เขามองว่าผู้หญิงคนแรกที่สวยเธอคงจะแย่ไปหมดทุกอย่าง เนื่องจากการที่เธอเป็นคนสวยมันทำให้เธอคิดว่าเธอจะทำตัวอย่างไรก็ได้เพราะว่าเธอเลือกได้ ในขณะที่ผู้หญิงคนที่สองที่หน้าตาไม่ได้สวยมาก แต่เธอคงจะมีข้อดีอื่นๆอีกมากมายเพราะว่าเธอไม่สวย ซึ่งส่วนมากคนที่ไม่สวยมักจะมีนิสัยที่ตรงข้ามกับหน้าตาเนื่องจากเธออาจจะไม่มีทางเลือกมาก นี่คือความคิดของชายหนุ่มคนนี้ ซึ่งก็มีชายหนุ่มหลายๆคนให้ความเห็นต่างๆกันไป บางคนก็บอกถ้าจะคบแค่ควงเล่นๆก็เลือกคนแรก แต่ถ้าจะจริงจังถึงขั้นจะเอามาเป็นแม่ของลูกก็ให้เลือกคนที่สอง ดูเหมือนว่าผู้ชายส่วนใหญ่ในห้องนั้นจะมีความคิดเห็นกับผู้หญิงสองคนนี้คล้ายๆกับผู้ชายเจ้าของกระทู้ 

ระหว่างที่ชายหนุ่มทั้งหลายกำลังโต้ตอบกระทู้กันไปมา ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งขอเข้ามาร่วมสนทนาด้วย เธอให้ความเห็นว่า ผู้หญิงที่หน้าตาสวยไม่จำเป็นว่าจะต้องมีนิสัยอย่างอื่นที่แย่ไปหมด ในทางตรงกันข้ามผุ้หญิงที่หน้าตาไม่สวยก็ไม่จำเป้นที่จะต้องมีข้อดีทุกอย่าง ไม่มีอะไรในคนคนนั้นที่จะต้องมีแต่สีขาวทุกอย่างหรือสีดำทุกอย่าง เราจะต้องมองให้ลึกลงไปในรายละเอียด ไม่มีคำว่าแม่พระ ไม่มีคำว่านางมาร เพราะว่าทุกคนย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป


คำคมผู้หญิงโดนๆภาษาอังกฤษ

"No woman is all sweetness"
-Mne Recamier
คำคมผู้หญิงภาษาอังกฤษ
ไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกนี้ที่จะทำตัวเป็นแม่พระได้ตลอดเวลา


คำคม คติ แคปชั่นโดนใจ ข้อคิดดีๆในการใชัชีวิตอยู่ให้มีความสุขและมีความหมาย

  คำคมชีวิตโดนๆ จงใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกๆวัน  ฝึกสำนึกรู้คุณค่าถึงสิ่งเล็กน้อยที่เรามี อย่าเครียดกับสิ่งที่เราควบคุมมันไม่ได้ คำคมชีวิตภา...