วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559

คติชีวิตอย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น


นิทานเรื่องกากับนกยูง
กาลครั้งหนึ่งมีกาตัวหนึ่งมันอาศัยอยู่ในป่าซึ่ง มันพอใจกับชีวิตในป่าของมันมากๆ  จนกระทั่งวันหนึ่งเจ้ากาได้ไปพบกับหงส์ เจ้ากาคิดในใจ “ทำไมหงส์ตัวนี้มันถึงได้ขาวขนาดนี้เนี่ย  ดูฉันสิตัวฉันช่างดำอะไรเช่นนี้ มันคงจะเป็นหงส์ที่มีความสุขที่สุดในโลก"
เจ้ากาได้บอกหงส์ให้รู้ว่ามันคิดอย่างไร พอหงส์ได้ฟังเจ้ากาพูดเช่นนั้น หงส์ก็ตอบว่า  “จริงๆแล้วฉันก็เคยคิดเช่นนั้นมาก่อนว่า ฉันเป็นนกหงส์ที่มีความสุขมากที่สุดจนกระทั่งฉันไปเจอนกแก้วตัวหนึ่ง เจ้านกแก้วตัวนั้นมันมีสองสี ตอนนี้ฉันกลับคิดว่านกแก้วคงจะเป็นนกที่มีความสุขมากที่สุด”

 ดังนั้นในวันหนึ่งเจ้ากาได้ไปหานกแก้ว นกแก้วได้บอกเจ้ากาว่า ” ฉันเคยมีชีวิตที่มีความสุขมากๆ จนกระทั่งในวันหนึ่งฉันไปเจอนูกยูงตัวหนึ่ง เจ้านกยูนั้นตัวมันมีหลากหลายสีมาก ในขณะที่ตัวฉันมีแค่สองสี”

เจ้ากาจึงไปหานกยูงที่สวนสัตว์แห่งหนึ่ง พอคนกลุ่มที่มาชมนกยูงจากไป เจ้ากาได้เข้าไปหานกยูงแล้วพูดว่า ” เจ้าสวยมาก ทุกวันมีแต่คนเป็นพันๆมาดู เจ้า เวลาที่พวกเขาเห็นฉันมีแต่จะไล่ให้ฉันไปไกลๆทันที  เจ้าคงจะเป็นนกที่มีความสุขมากที่สุดในโลกเลยนะ? “
นกยูงตอบ ” ฉันก็เคยคิดตลอดมาเลยว่าฉันเป็นนกที่สวยที่สุดและมีความสุขที่สุดในโลกนี้ แต่เพราะว่าความสวยงามของฉัน ฉันก็เลยติดแหงกอยู่ในสวนสัตว์แห่งนี้ จะไปไหนก็ไม่ได้ และฉันได้ตรวจตรามาอย่างดีแล้วฉันรู้ว่ามีแค่กาเท่านั้นที่ไม่ถูกขังอยู่ในกรงนี้ สองสามวันก่อนฉันยังคิดเลยว่าถ้าฉันเป็นกาฉันคงจะได้บินไปทุกที่อย่างมีความสุข"

 คำคมภาษาอังกฤษอย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น


"Happiness is found when you stop comparing yourself to other people.


คำคมอย่าเปรียบเทียบ
คุณจะพบกับความสุขเมื่อคุณหยุดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น"



วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559

คติสอนใจเกี่ยวกับพ่อแม่

คติชีวิตสำหรับพ่อแม่


นิทานเรื่องชามไม้ใส่อาหารให้พ่อ

กาลครั้งหนึ่งมีชายแก่ที่ดูอิดโรยไร้เรี่ยวแรงแกไปอาศัยอยู่กับลูกชาย ลูกสะไภ้และหลานชายอายุสี่ขวบ  มือของแกสั่น ตาฟ่าฟางมองอะไรก็ไม่ค่อยชัด เดินก็ไม่ค่อยคล่องสะดุดนู่นนี่อยู่ตลอดเวลา ครอบครัวนี้รับประทานอาหารพร้อมหน้าด้วยกันที่โต๊ะอาหาร แต่สำหรับชายแก่แล้วด้วยสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยไม่ว่าจะเป็นมือสั่น ตามองไม่ค่อยเห็น ทำให้เขารับประทานอาหารอย่างยากลำบาก เขาทำเมล็ดถั่วกระเด็นออกจากช้อนและไปตกอยู่บนพื้น พอเขาจะหยิบแก้วขึ้นมาเขาก็ทำนมหกลงบนผ้าปูโต๊ะ

จากสภาพที่เห็นทำให้ลูกสะไภ้กับลูกชายของเขาเริ่มหงุดหงิดกับสภาพที่ชายแก่ทำเลอะเทอะ ชายหนุ่มจึงพูดขึ้นมาว่า “เราคงจะต้องทำอะไรกับพ่อบ้างแล้วหล่ะ”  “ผมเริ่มที่จะทนไม่ไหวแล้วกับนมหก  เคี้ยวอาหารเสียงดังและก็อาหารที่หกกระจายเต็มพื้น  ดังนั้นลูกชายกับลูกสะไภ้จึงได้จัดโต๊ะวางอาหารเล็กๆในในมุมๆหนึ่งให้ชายแก่  เขานั่งรับประทานอาหารคนเดียว ในขณะที่ทุกคนรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างสบายอกสบายใจ เนื่องจากชายแก่ทำถ้วย จานแตกใบประมาณหรือสองใบนี่แหละ ดังนั้นภาชนะที่ใส่อาหารให้ชายแก่จึงเป็นชามที่ทำจากไม้ บางเวลาที่คนทั้งสามจ้องมองไปที่ชายแก่พวกเขาจะเห็นว่าชายแก่นั่งน้ำตาคลอคนเดียว แต่ก็ยังมิวายที่คู่สามีภรรยาจะดุชายแก่ตอนที่แกทำซ่อมร่วงหรือทำอาหารตกลงพื้น  ลูกชายอายุสี่ขวบนั่งสังเกตุพฤติกรรมนั้นอย่างเงียบๆ

เย็นวันหนึ่งก่อนเวลาอาหารเย็น ลูกชายของชายแก่เห็นลูกอายุสี่ขวบของเขากำลังนั่งเล่นอยู่กับเศษไม้บนพื้น เขาถามลูกชายเขาว่า”ลูกกำลังทำอะไรเหรอ?” ลูกชายเขาตอบว่า” หนูกำลังจะทำชามไม้เล็กๆเอาไว้ใส่อาหารให้พ่อกับแม่ เวลาที่หนูโตขึ้น “ พูดเสร็จเด็กน้อยก็ยิ้มแล้ววิ่งไปทำชามไม้ต่อ

คำพูดนั้นกระทบใจสองผัวเมียอย่างแรง พวกเขาอึ้ง พูดไม่ออก แต่น้ำตานองหน้า ถึงจะไม่มีคำพูดใดๆออกมา แต่ทั้งสองรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร

เย็นวันนั้นลูกของชายแก่ได้จับมือเขาอย่างนุ่มนวลและพาพ่อของเขากลับไปนั่งที่โต๊ะอาหารของครอบครัวเหมือนเดิม หลังจากนั้นมาชายแก่ได้ร่วมวงรับประทานอาหารกับครอบครัวเขาทุกมื้อตลอดช่วงชีวิตของเขา แล้วสองผัวเมียก็ไม่ได้ใส่ใจกับซ่อมที่ร่วงลงพื้น นมหกหรือผ้าปูโต๊ะเปื้อนอีกต่อไป
"จงดูแลพ่อแม่ให้ดีเหมือนที่ท่านดูแลเรา เพราะวันหนึ่งตัวเราก็ต้องแก่ แล้วก็ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ แล้วใครหล่ะจะดูแลคุณ?
เราทำอะไรไว้กับพ่อแม่เราก็จะได้รับสิ่งนั้นตอบแทน"


วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2559

คติชีวิตครอบครัวและเรื่องราวของความรักระหว่างแม่กับลูก

ด้วยสองมือของแม่ที่ทำเพื่อลูก

มีชายหนุ่มผู้มีความสามารถด้านวิชาการอันยอดเยียมได้ไปสมัครงานในตำแหน่งผู้จัดการ ในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งเขาผ่านการสอบสัมภาษณ์ครั้งแรก และผู้อำนวยการได้สัมภาษณ์เขาในรอบสุดท้ายเพื่อที่จะตัดสินใจว่าจะเลือกเขาเข้าทำงานหรือไม่ ผู้อำนวยการดูประวัติเขาจาก CV ที่เขาแนบมาในการสมัครงาน พบว่าเขามีความสามารถทางด้านวิชาการที่ยอดเยียมมากๆ เขามีคะแนนสูงมาตลอดตั้งแต่สมัยมัธยมจนกระทั่งถึงการทำงานวิจัยระดับปริญญาโท


ผู้อำนวยการถามเขาว่า “ คุณเคยได้รับทุนการศึกษาจากโรงเรียนไหม?” เขาตอบ “ ไม่เลยครับ”
ผู้อำนวยการถามต่อ “แล้วคุณพ่อคุณทำงานอะไรถึงส่งคุณเรียนได้ขนาดนี้?”  เขาตอบ “พ่อผมเสียตั้งแต่ผมอายุหนึ่งขวบแล้วครับ คนที่จ่ายค่าเทอมให้ผมคือคุณแม่ของผมครับ”
ผู้อำนวยการถามต่อ  “แล้วแม่คุณทำงานที่ไหน?”   เขาตอบ “แม่ผมรับจ้างซักผ้าครับ “
ผู้อำนวยการได้ขอดูมือของชายหนุ่ม ชายหนุ่มโชว์มือให้ผู้อำนวยการดูซึ่งเป็นมือที่สวยงาม นุ่มนวล

ผู้อำนวยการถามต่อว่า  “คุณเคยช่วยแม่คุณซักผ้าบ้างไหม? “  ชายหนุ่มตอบ ” ไม่เคยครับ แม่ผมเขาต้องการให้ผมเรียนและอ่านหนังสือให้เยอะๆ และยิ่งไปกว่านั้น คือแม่ผมสามารถซักผ้าได้เร็วกว่าผม”

ผู้อำนวยการพูดว่า  “ผมมีเรื่องที่จะขอร้องคุณนะ วันนี้พอคุณกลับไปถึงบ้าน ให้ล้างมือแม่ของคุณ แล้วพรุ่งนี้คุณกลับมาหาผมใหม่อีกครั้งนะ”

ชายหนุ่มรู้สึกว่าเขามีโอกาสที่จะได้งานสูงทีเดียว เมื่อเขากลับถึงบ้าน เขาขอล้างมือให้แม่ด้วยใจที่เบิกบาน แม่เขารู้ว่ามันดูแปลกๆ เธอมีความสุข แต่ในใจก็รู้สึกสับสนว่าลูกชายกำลังคิดอะไรอยู่  เธอได้ยื่นมือทั้งสองไปให้ลูกชายล้างแต่โดยดี  ชายหนุ่มค่อยๆล้างมือให้แม่ของเขา เขาน้ำตาไหล เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เขาสังเกตุเห็นว่ามือแม่เขาเหี่ยวและมีรอยฟกช้ำ และบางรอยฟกช้ำเมื่อถูกน้ำ มันจะทำให้เธอรู้สึกเจ็บซึ่งทำให้เธอถึงกับสั่น  

ซึ่งมันเป็นครั้งแรกที่ทำให้ชายหนุ่มตระหนักได้ว่าด้วยสองมือนี้ที่ซักผ้าทุกๆวัน มันสามารถทำให้เขาได้มีเงินไปจ่ายค่าเทอม รอยฟกช้ำในมือของแม่เขาคือสิ่งที่ใช้แลกกับการสำเร็จการศึกษา  ความเป็นเลิศทางด้านวิชาการและอนาคตของเขา
หลังจากที่เขาล้างมือให้แม่ของเขาแล้ว เขาได้ซักผ้าที่เหลืออยู่ทั้งหมดให้แม่เขาอย่างเงียบๆ คืนนั้นสองแม่ลูกคุยกันค่อนข้างนานทีเดียว

วันรุ่งขึ้นเขาได้กลับไปหาผู้อำนวยการที่สำนักงาน
ผู้อำนวยการสังเกตุเห็นน้ำตาในดวงตาของชายหนุ่ม แล้วถามว่า  “คุณช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหม ว่าเมื่อวานนี้คุณได้เรียนรู้อะไรมาบ้างจากที่บ้านคุณ?”  ชายหนุ่มตอบ” ผมล้างมือให้แม่แล้วผมก็ช่วยซักผ้าที่เหลือทั้งหมดให้แม่ด้วยครับ”
“แล้วคุณรูสึกอย่างไรบ้างช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อย”  ชายหนุ่มตอบ” ข้อแรกตอนนี้ผมเข้าใจถึงคำว่า การสำนึกถึงคุณค่าในสิ่งที่ผู้อื่นได้ทำให้เรา ถ้าปราศจากแม่ของผมก็จะไม่มีผมในวันนี้  ข้อสองการที่ผมได้ช่วยแม่ผมทำงานผมได้ตระหนักว่ามันไม่ง่ายเลยในการที่จะทำให้งานแต่ละอย่างสำเร็จ ข้อสามผมได้สำนึกรู้คุณค่าและความสำคัญของครอบครัว”

ผู้อำนวยการพูดว่า “นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังมองหาในตัวผู้จัดการของผม ผมต้องการจ้างคนที่สามารถสำนึกถึงคุณค่าของความช่วยเหลือจากผู้อื่น ผู้ที่รู้ว่าผู้อื่นต้องลำบากแค่ไหนในการที่จะทำให้งานสำเร็จลุล่วง  แล้วก็ผู้ที่ไม่เอาเงินเป็นเป้าหมายในการดำเนินชีวิต คุณได้งานแล้ว “

หลังจากนั้นชายหนุ่มก็มุ่งมั่นทำงาน เป็นที่ยกย่องนับถือจากผู้ใต้บังคับบัญชา พนักงานทุกคนทำงานอย่างขยันขันแข็งและทำงานเป็นทีม ส่งผลให้ศักยภาพของบริษัทมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด



วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เรื่องราวที่ให้ข้อคิดสอนใจเกี่ยวกับแม่



เรื่องที่คุณจะต้องอ่านถ้าคุณรักแม่ 

หลังจากที่เราได้ใช้ชีวิตแต่งงานร่วมกันมาได้ 21ปี ภรรยาของผมเธอต้องการให้ผมพาผู้หญิงคนอื่นไปทานอาหารเย็นและพาเธอไปดูหนังด้วย เธอพูดกับผมว่า ที่รักฉันรักคุณนะคะ แต่ฉันก็รู้ว่ายังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เขารักคุณและต้องการที่จะใช้เวลาอยู่กับคุณ


ผู้หญิงคนที่ภรรยาผมต้องการให้ผมไปพบ ที่แท้ก็คือแม่ของผมนั่นเอง ผู้ซึ่งครองความเป็นหม้ายมากว่า 19ปี แต่เนื่องจากภาระหน้าที่การงานที่รัดตัวรวมทั้งลูกๆทั้งสามคน ทำให้โอกาสที่ผมจะไปพบเธอก็สามารถทำได้แค่เป็นครั้งคราวเท่านั้นเอง


คืนนั้นผมได้โทรไปหาแม่ของผม เพื่อที่จะชวนเธอไปทานอาหารเย็นและดูหนัง เธอถามผมว่า มีอะไรหรือเปล่า ลูกสบายดีใช่ไหม?”

แม่ของผมจะเป็นคนที่มักจะคิดว่าหากมีโทรศัพท์เข้ามาหรือมีใครมาเชื้อเชิญแบบไม่ได้แจ้งล่วงหน้าในยามวิกาล ต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ 

ผมตอบเธอไปว่า มันคงจะดีไม่น้อยถ้าผมได้มีโอกาสที่จะใช้เวลาบางช่วงอยู่กับแม่
เธอคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า แม่ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับโอกาสนั้น



วันนั้นเป็นวันศุกร์ หลังจากเลิกงานผมก็ขับรถไปรับเธอที่บ้าน ซึ่งผมรู้สึกประหม่าเล็กน้อย พอไปถึงที่บ้านเธอ ผมสังเกตุได้ว่าเธอเองก็รู้สึกประหม่าเช่นกัน ที่จะออกไปข้างนอกกับผม

 เธอรอผมที่ประตู สวมเสื้อโคท เธอไปดัดผมมาด้วย และเธอก็ยังใส่ชุดที่เธอเคยใส่ตอนฉลองวันครบรอบแต่งงานครั้งสุดท้าย เธอยิ้มพราวหน้าตาของเธอแปล่งประกายเหมือนนางฟ้าเหมือนเทพธิดาองค์หนึ่ง 

เธอพูดกับผมว่า แม่บอกเพื่อนๆของแม่ว่าแม่กำลังจะออกไปทานข้าวนอกบ้านกับลูกชาย เพื่อนๆทุกคนรู้สึกประทับใจที่ได้ยินเช่นนั้น พอเธอข้าไปนั่งในรถ เธอก็ยังพูดอีกว่า พวกเขาจะตั้งหน้าตั้งตารอฟังว่า การนัดเจอของเราทั้งสองจะเป็นเช้นไร


เราไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ร้านที่หรูหราแต่มันก็ดูดีและอบอุ่น แม่ของผมคล้องแขนผมราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงคนที่สำคัญที่สุด 

หลังจากที่พวกเราได้นั่งลง ผมเป็นคนอ่านเมนูอาหาร เนื่องจากสายตาเธอไม่ค่อยดีเธออ่านได้แค่ตัวหนังสือตัวใหญ่เท่านั้น 

ช่วงเวลาตั้งแต่ครึ่งหลังไปจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายทุกครั้งที่ผมเหลือบตาไปดูแม่ของผม เธอจะเอาแต่จ้องมองหน้าผม พร้อมรอยยิ้มแห่งความปลาบปลื้มปนเศร้านิดๆบนริมฝีปากของเธอ 

เธอพูดกับผมว่าเมื่อก่อนตอนลูกยังเล็กๆ แม่เคยอ่านเมนูอาหารให้ลูก และผมก็ตอบกลับเธอไปว่า ตอนนี้เป็นเวลาที่แม่จะได้พักบ้างแล้ว 

ตอนนี้ปล่อยให้ผมได้ทำหน้าที่นั้นบ้าง ช่วงที่เรารับประทานอาหารเย็นเราก็พูดคุยกันอย่างถูกคอ มันไม่ได้มีอะไรที่พิเศษเพียงแค่เราพูดคุยแลกเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของเราให้กันและกันฟัง 

พวกเราพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลินจนไม่ทันไปดูหนัง เมื่อเราไปถึงบ้านของเธอ เธอพูดว่า แม่อยากที่จะเจอลูกอีกนะ แต่ครั้งนี้แม่ขอเป็นคนเชิญนะ ถ้าลูกว่าง
ผมตอบตกลง

พอผมกลับถึงบ้าน ภรรยาผมถาม เป็นอย่างไรบ้าง การไปรับประทานอาหารเย็น?” เยี่ยมมาก มากกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีกนะ ผมตอบ


หลังจากนั้นไม่กี่วัน แม่ผมตาย ด้วยโรคหัวใจวาย มันเกิดขึ้นแบบกระทันหัน ซึ่งผมไม่ได้มีโอกาสที่จะทำอะไรให้เธอได้ 

หลังจากนั้นสักพักผมได้รับซองจดหมายพร้อมกับใบเสร็จจากร้านอาหารร้านเดิมที่เราเคยไปรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน ในนั้นมีข้อความเขียนว่า แม่จ่ายค่าอาหารล่วงหน้า ซึ่งแม่ไม่แน่ใจว่าแม่จะมีโอกาสได้ไปไหม 

แต่ไม่เป็นไรนะ แม่จ่ายสำหรับสองที่ ทีหนึ่งคือลูก และอีกที่สำหรับภรรยาของลูก ลูกคงจะไม่รู้หรอกนะว่าคืนนั้นมันมีความหมายกับแม่เพียงไหน แม่รักลูกนะ ลูกชายของแม่

ณ ช่วงเวลานั้น ผมสามารถเข้าใจได้ถึงความสำคัญของเวลาที่จะได้พูด ถึงคำว่า รัก และการให้เวลากับคนที่เรารักในขณะที่เรายังมีโอกาส ในชีวิตนี้มันไม่มีอะไรที่จะสำคัญไปมากกว่าครอบครัวของคุณ 

ห้เวลาแก่พวกเขา ในขณะที่ยังพอมีโอกาส อย่ามัวแต่เอาผัดผ่อนและประวิงเวลาเพราะคุณจะไม่สามารถกลับไปแก้ตัวได้ถ้าหากว่าช่วงเวลานั้นมันมาถึง



วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2559

คติชีวิตเพื่อนแท้

เพื่อนแท้ที่หวังดีมีอยู่ไม่มาก

เราไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเยอะ ขอเพียงแค่มีเพื่อนแท้สักสองสามคน ที่รักเราในแบบที่เราเป็นแค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว

คำคมสำหรับเพื่อน


"จงอยู่กับคนที่เขาเห็นคุณค่าของคุณ การที่คุณจะมีความสุข 

คุณไม่ต้องมีคนแวดล้อมคุณมากมาย แต่ขอให้มีแค่เพื่อนแท้แค่สองสามคนที่รักและชื่นชมคุณในแบบที่คุณเป็นอยู่ก็พอ"

คำคมเพื่อนภาษาอังกฤษ

"Be with people, who know your worth; you don’t need too many people to be happy, just a few real ones who appreciate you for who you are."







คำคม คติ แคปชั่นโดนใจ ข้อคิดดีๆในการใชัชีวิตอยู่ให้มีความสุขและมีความหมาย

  คำคมชีวิตโดนๆ จงใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกๆวัน  ฝึกสำนึกรู้คุณค่าถึงสิ่งเล็กน้อยที่เรามี อย่าเครียดกับสิ่งที่เราควบคุมมันไม่ได้ คำคมชีวิตภา...