เราทุกคนต่างก็มีเรื่องราวในอดีตกันทั้งนั้น มีทั้งเรื่องราวที่มีความสุขและเรื่องราวทีเจ็บปวด
ตัวฉันเองก็เช่นกันฉันก็เคยผ่านเรื่องราวเหล่านี้มามากมาย
ซึ่งมีหลายๆครั้งฉันอดที่จะหวนคิดไปถึงเรื่องราวที่ผ่านมาไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องราวที่ฉันเคยเจ็บปวดรวดร้าว
ฉันเคยเป็นเหมือนเนื้อเพลงนี้เลย
"หากจะตายก็ตายไปแล้ว
เจ็บอีกทีจะสักเท่าไร เท่าไร
ใจมันเจ็บมาแล้วกี่ครั้ง
จะช้ำแค่ไหนไม่เห็นมันตายสักที
หนักกว่าเธอก็เจอมาแล้ว
แต่ก็ทนมาได้ทุกที ทุกที
ใจมันแกร่งและพร้อมจะรับ
คราวนี้ ฉันคงไม่ตาย
ใจมันแกร่งและพร้อมจะรับ
คราวนี้ ฉันคงไม่ตาย"
ใช่ตัวฉันเคยเป็นแบบเนื้อเพลงนี้จริงๆ ฉันปล่อยให้ตัวเอง เจ็บแล้วเจ็บอีกกับผู้ชายคนเดิมๆ
ฉันปล่อยให้เขาทำร้ายจิตใจฉันครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อฉันรู้สึกเศร้ามากๆ
ฉันจะทำให้ตัวเองหายเศร้าด้วยการพยายามเบี่ยงเบนความรู้สึกที่ตัวเองเป็นอยู่ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ทำโอที
กระะหน่ำกิน กระหน่ำเที่ยว กระหน่ำชอบปิ้ง กระหน่ำออกกำลังกาย หรือแม้กระทั่งเมาหัวราน้ำ
ฉันไม่คิดที่จะยอมรับกับความเจ็บปวดแต่ฉันเลือกที่จะเพิกเฉย และเบี่ยงเบนความรู้สึกเหล่านั้น
ด้วยการทำกิจกรรมดังที่กล่าวมา
ฉันปล่อยให้เขาทำร้ายจิตใจฉันครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อฉันรู้สึกเศร้ามากๆ
ฉันจะทำให้ตัวเองหายเศร้าด้วยการพยายามเบี่ยงเบนความรู้สึกที่ตัวเองเป็นอยู่ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ทำโอที
กระะหน่ำกิน กระหน่ำเที่ยว กระหน่ำชอบปิ้ง กระหน่ำออกกำลังกาย หรือแม้กระทั่งเมาหัวราน้ำ
ฉันไม่คิดที่จะยอมรับกับความเจ็บปวดแต่ฉันเลือกที่จะเพิกเฉย และเบี่ยงเบนความรู้สึกเหล่านั้น
ด้วยการทำกิจกรรมดังที่กล่าวมา
ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องเพราะว่าการที่ฉันไม่ยอมเผชิญกับความเจ็บปวดแต่เลือกที่จะเพิกเฉย
และเบี่ยงเบนความรู้สึก มันไม่ได้ช่วยให้ความเจ็บปวดเหล่านั้นหายหรือทุเลา
มันแค่ช่วยให้ฉันหายเจ็บเพียงช่วงครู่แต่จริงๆแลวความจ็บปวดนั้นมันยังคงฝังอยู่ลึกๆในใจนั่นแหละ
จากวันนั้นถึงวันนี้มันทำให้ฉันได้เรียนรู้ว่า การที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์เราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญ
กับความเจ็บปวดในชีวิต
ไม่ด้านไดก็ด้านหนึ่ง เรามักจะไม่ค่อยสมหวังในสิ่งที่เราคาดหวัง
บางครั้งเราอาจจะต้องพบกับความสูญเสียสิ่งที่เรารัก
เราเลือกได้ที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องจมอยู่กับความเจ็บปวด ความทุกข์ที่เกิดขึ้น
ด้วยการเลือกที่จะเผชิญหน้าและยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นว่ามันทำให้เราเจ็บ
มันทำให้เราทุกข์ และเมื่อยอมรับกับมันแล้วเราก็ต้องปล่อยมันไป
เราต้องไม่ปล่อยใจเราให้จมปลักและคิดถึงมันในทางที่แย่
เราต้องเลือกคิดที่จะให้ความเจ็บปวดเหล่านี้ช่วยสอนบทเรียนอันล้ำค่าให้แก่ชีวิตเรา
ไม่ใช่เลือกที่จะให้มันทำลายเรา
กับความเจ็บปวดในชีวิต
ไม่ด้านไดก็ด้านหนึ่ง เรามักจะไม่ค่อยสมหวังในสิ่งที่เราคาดหวัง
บางครั้งเราอาจจะต้องพบกับความสูญเสียสิ่งที่เรารัก
เราเลือกได้ที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องจมอยู่กับความเจ็บปวด ความทุกข์ที่เกิดขึ้น
ด้วยการเลือกที่จะเผชิญหน้าและยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นว่ามันทำให้เราเจ็บ
มันทำให้เราทุกข์ และเมื่อยอมรับกับมันแล้วเราก็ต้องปล่อยมันไป
เราต้องไม่ปล่อยใจเราให้จมปลักและคิดถึงมันในทางที่แย่
เราต้องเลือกคิดที่จะให้ความเจ็บปวดเหล่านี้ช่วยสอนบทเรียนอันล้ำค่าให้แก่ชีวิตเรา
ไม่ใช่เลือกที่จะให้มันทำลายเรา
เราสามารถเลือกที่จะเฝ้าระวังความคิดของเราไม่ให้ติดกับดักเดิมๆ การที่เราคิดถึงแต่สิ่งเดิมๆ
มันก็เหมือนเราเปิดเพลงเดิมซ้ำไปซ้ำมา เราต้องรู้จักที่จะปล่อยมันไปแล้วก็เริ่มต้นใหม่
การพาตัวเราเองออกจากกับดักความคิดแย่ๆนี้มีวิธีการหนึ่งที่จะช่วยเราได้ดีก็คือ
การนั่งสมาธิหากนั่งไม่ได้ก็ใช้การเดินจงกรม หรือไม่ก็นั่งเฉยๆในบรรยากาศที่เงียบสงบมากพอด้วยการตั้งสติ
เพ่งไปที่ลมหายใจเข้าออก หากเมื่อไหร่ที่ใจเราวอกแวกคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาก็ให้สังเกตุความคิด
แล้วตั้งชื่อให้กับมัน เช่นถ้าเราฟุ้งซ่านก็ตั้งชื่อมันว่า ฟุ้งซ่านหนอ หากเราคิดว่าเราเจ็บก็
เจ็บหนอๆ
เฝ้าระวังความคิดของเราไปเรื่อยๆแล้วมองความคิดที่แวบเข้ามา แล้วตั้งชื่อให้มัน มองมันในแบบที่มันเป็น
แล้วก็ดึงสติกลับมาเพ่งที่ลมหายใจเข้าออกทำแบบนี้ไปเรื่อยๆให้เคยชิน
แล้วเราก็จะค้นพบว่ามันก็แค่ความรู้สึกแค่นั้นเอง
มันก็เหมือนเราเปิดเพลงเดิมซ้ำไปซ้ำมา เราต้องรู้จักที่จะปล่อยมันไปแล้วก็เริ่มต้นใหม่
การพาตัวเราเองออกจากกับดักความคิดแย่ๆนี้มีวิธีการหนึ่งที่จะช่วยเราได้ดีก็คือ
การนั่งสมาธิหากนั่งไม่ได้ก็ใช้การเดินจงกรม หรือไม่ก็นั่งเฉยๆในบรรยากาศที่เงียบสงบมากพอด้วยการตั้งสติ
เพ่งไปที่ลมหายใจเข้าออก หากเมื่อไหร่ที่ใจเราวอกแวกคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาก็ให้สังเกตุความคิด
แล้วตั้งชื่อให้กับมัน เช่นถ้าเราฟุ้งซ่านก็ตั้งชื่อมันว่า ฟุ้งซ่านหนอ หากเราคิดว่าเราเจ็บก็
เจ็บหนอๆ
เฝ้าระวังความคิดของเราไปเรื่อยๆแล้วมองความคิดที่แวบเข้ามา แล้วตั้งชื่อให้มัน มองมันในแบบที่มันเป็น
แล้วก็ดึงสติกลับมาเพ่งที่ลมหายใจเข้าออกทำแบบนี้ไปเรื่อยๆให้เคยชิน
แล้วเราก็จะค้นพบว่ามันก็แค่ความรู้สึกแค่นั้นเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้แย่อย่างที่เราคิด เมื่อเรามีสติเราก็จะเกิดปัญญาสองสิ่งนี้จะช่วยทำให้เราเปลี่ยนมุมมอง
ต่อโลกใหม่ และมันก็จะช่วยทำให้เราตระหนักได้ว่า เราสามารถปล่อยมันออกไป ปล่อยความเจ็บให้มันออกไป
แค่ปล่อยมันไปอย่าแบกรับ
สามขั้นตอนการรับมือกับความเจ็บปวด
1.ปล่อยให้มันมาเยือนเราตามที่มันอยากจะมา
2.ให้มันสอนบทเรียนชีวิตแก่เรา
3.อย่าปล่อยให้มันอยู่กับเรานาน
คำคม : เราไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดในชีวิตได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะรับมือกับมันได้
คำคมสอนคนภาษาอังกฤษ
Pain is inevitable. Suffering is optional.
-Unknown
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น